เรื่องที่ทำให้เราทุกข์ในทุกวันนี้ ส่วนใหญ่จะหนี้ไม่พ้นเรื่องของการเป็นหนี้ แต่ก่อนคนรุ่นวัย 70-80 ในยุค เหล่านี้เป็นหนี้สินเพียงไม่กี่อย่าง หลักๆ ก็จะมาจากการเป็นหนี้สินจากการทำนา ซื้อที่ดิน แต่สุดท้ายก็ร่ำรวยเพราะที่ดินมีราคาแพงขึ้น แต่มาในยุคนี้เปลี่ยนไปแล้ว หนี้สินส่วนใหญ่มากจากคำว่าหน้าใหญ่ใจเสือ

พอเห็นคนที่เขารวยเขามีก็อยากจะมีแบบเขาบ้าง ก็ไปกู้หนี้ยืมสินเขามา เขามีมือถือเครื่องละ 20000 ก็ไปเลียนแบบเขา พอไม่นานเครื่องใหม่ออกมาเขาเปลี่ยนไปเป็นเครื่องละ 30000 ก็เปลี่ยนตามแบบเขา ทั้งที่เครื่องเก่าก็ยังผ่อนไม่หมดเลย เป็นหนี้ทับซ้อนกับเรื่องเก่าเรื่องเดิม
ไม่เพียงแค่นั้น หนี้ที่หนักที่สุดก็คงจะเป็นหนี้บัตรเครดิต เพราะอยากได้อยากกินไปเสียทุกอย่าง แต่ก่อนอะไรก็กินได้แต่มายุคนี้ร้านไม่ดังแอร์ไม่เย็นกินไม่ได้เสียแบบนั้น ก็ใช้บัตรเครดิตรูดเอา ทำแบบนี้จนเคยตัวแล้วก็เข้าระบบที่ทางเครดิตได้วางไว้ เป็นหนี้เต็มบัตรจ่ายแค่ดอกไปตลอดชีวิต แบบนี้ไม่มีวันหมดแน่นอน เพราะคำเดียว “หน้าใหญ่”
หลายคนกำลังพยายามที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้หมดไปแต่ก็ยังกลัวว่าเพื่อนรอบตัวจะรู้ยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจกินข้าวข้างทาง กินของถูกแบบที่เคยมีความสุข ยังคงอดมื้อกินมื้อเพื่อให้อยู่ในสังคมได้ แล้วในที่สุดก็ไปไม่รอด เข้าตำราอีกข้อหนึ่งนั้นคือ “ซื้อแต่ของไม่จำเป็น สุดท้ายต้องขายของจำเป็นออกไป” คนเคยรวยก็เป็นแบบนี้ประจำ “ของมันต้องมี” “เดี๋ยวจะเข้ากับเพื่อนไม่ได้” แล้วสุดท้ายมีปัญหาจริงๆ เพื่อนก็ช่วยอะไรเราไม่ได้อยู่ดีแถมทิ้งเราออกจากกลุ่มแล้วก็ไปตามหาคบกันคนอื่นต่อไป ยิ่งเราเคยเป็นสายเปย์เพราะคำยอจากเพื่อน คนเหล่านั้นเขาฉลาดที่จะเลือกอวยให้กับเรา พอเราพอใจก็เลี้ยงเพื่อนได้ไม่อั้น สุดท้ายก็ตายคนเดียวอยู่ดี
กลับมาทำชีวิตใหม่กันดีกว่า ยังไม่สายเกินแก้ถ้าเรายังมีลมหายใจเราไม่ต้องกลับไปเปลี่ยนตัวเองใหม่ แต่ให้กลับไปใช้ชีวิตแบบคนเก่าที่เราเคยเป็น ถามว่าทำไมถึงไม่เปลี่ยนใหม่ให้ดีกว่าเดิม เพราะคำว่าใหม่คือสิ่งที่ไม่เคยประสบพบเจอแล้วเส้นทางใหม่จะดีกว่าเดิมหรือแย่กว่าเดิมก็ไม่อาจตอบได้ แต่ถ้าเราย้อมนึกไปให้ดี ต้องมีสักช่วงที่เรามีความสุขกับสิ่งที่เรามีแบบพออยู่ นั้นคือสิ่งที่เราเคยผ่านมาแล้ว นั้นคือประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่เราสามารถนำมาต่อยอดได้ อย่าไปกลัว อย่าไปอาย เพราะสิ่งเราตัวเราบางครั้งก็ไม่ได้เป็นทุ่งลาเวนเดอร์ ให้นึกไว้เสมอว่าเราต้องอยู่ด้วยตัวเองได้ และ สิ่งที่เราต้องคิดปรับใหม่ต่อยอดจากสิ่งที่เคยดีอยู่แล้วนั้นคือ
1.อย่าไปแคร์ถ้าไม่ใช่แม่เรา
เพื่อนส่วนใหญ่จะดีกับเราเสมอ และคนส่วนใหญ่นั้นที่เราว่าดีจะพยายามเตือนเราตลอด เพื่อนมีน้อยมากที่จะคอยอวยให้เรา บอกว่าเราดีแบบนั้นแบบนี้ จริงๆแล้วเพื่อนที่ดีจะมีแต่ด่าและเตือนเราเสียส่วนใหญ่ เพราะเขาก็ไม่ได้อยากให้เราเป็นคนไม่ดี ส่วนเพื่อนที่คอยจะกินกับเราคอยแต่หาผลประโยชน์จากเรา ให้ท่องไว้เลย “ไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่เราไม่ต้องแคร์” คบได้แต่อย่าสนิทจนเกินไปเพราะถ้าเราหมดประโยชน์ก็จากไป แถมด้วยการเอาเราไปว่าร้ายนินทาให้กับเราด้วย
2.มองหาแต่คำติชมให้มากว่าคำด่า
เมื่อเราทำอะไรก็ตามแต่จะมีกลุ่มคนมากมายมาบอกไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ แต่ก็ไม่เคยให้เหตุผลอะไรเลยว่าเพราะอะไร แต่จงมองหาคนที่ติแล้วอธิบายว่าเพราะอะไร คนเหล่านี้จะมีมุมมองที่ต่างจากเราออกไป จะมีความคิดในแบบของผู้ใช้บริการตัวจริง อยากให้เราพัฒนาแบบไหน ถ้าเราสามารถทำได้ นั้นก็แปลว่าถ้าเราเจอคนลักษณะนี้อีกเราก็สามารถที่จะได้เงินจากเขาแน่นอน
3.อดนั้นไม่ตาย ไม่อดนั้นตาย
คำว่าอดคือ การอดเปรี้ยวไว้กินหวาน หลายคนบอกว่าอดไม่ไหวเพราะคนมันเคย ให้นึกง่ายๆ ว่าเมื่อเราได้นำปลาทองมาเลี้ยงในตู้ มันไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกไปไหน กินอะไร หรือทำอะไรเลย ถ้าเราให้กินแบบไหนอยู่แบบไหนก็จำเป็นต้องอยู่ปรับตัวได้ง่ายๆ ถ้าปรับไม่ได้ก็ต้องตายอย่างเดียวและปลาทองนั้นก็ปรับตัวได้เสมอไม่เคยได้ยินว่าปลาทองฆ่าตัวตายเพราะอาหารไม่อร่อย เราก็เช่นกัน ต้องปรับตัวให้ได้ กาแฟแก้วละ 20 หรือ 120 ก็ต้องคิดว่ามันเหมือนกัน อีกหน่อยถ้าเรารวยจนเหลือแล้ว จะทำอะไรแบบไหนก็ได้ ต้องอยู่กับชีวิตความเป็นจริงให้ได้ห้ามอยู่กับเรื่องเพ้อฝันที่ไร้อนาคต
คำว่าหนี้มันต้องฝึกที่ตัวเรา ของบางอย่างเหมือนกันใช้งานได้ใกล้เคียงกันไม่จำเป็นต้องใช้แพงเหมือนคนอื่นเขา เราก็สามารถมีใช้ได้เหมือนเขา บางคนขับรถคันละแสนไปทำงานเงินเดือนห้าหมื่น แต่บางคนเงินเดือนหมื่นห้า ขับรถคันละล้านแบบไหนจะมีความสุขได้ยั้งยืนกว่ากัน ชีวิตติดกับการผ่อนที่ต้องเครียดทุกนาที แต่ถ้ากอดเงินสดไว้ในบัญชีอย่างไรก็ไม่เครียด